เนื่องในโอกาสที่ Fast & Furious มีอายุ ครบ 20 ปี ทางช่องก็เลยถือโอกาสทำคลิปรวมรถซิ่ง ทีมตัวร้าย ตัวโกง ในเดอะฟาสต์ทุกภาคมาให้ชมกันซะเลย ว่ามีรุ่นอะไรกันบ้าง ในแต่ละฉาก ซึ่งก็จะขอพูดถึงตัวร้ายหลัก และตัวรอง ของในแต่ละภาค ที่เด่นๆ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปชมพร้อมๆ กันเลย
เริ่มต้นกันด้วยร้ายที่ 1 ใน Fast & Furious ปี 2001 ภาคแรก กับ หัวหน้าแก๊งซิ่งอีกทีมในแอลเอ ที่มีชื่อว่า Johnny Tran จอห์นนี่ ทราน ที่รับบทแสดงโดย ริค ยูน ที่เมื่อเราได้เห็นหน้าของเขาก็บ่งบอกยี่ห้อตัวร้ายขึ้นมาทันทีว่าเขาคือคู่อริของดอมแน่ๆ
ซึ่งจอห์นนี่ ทราน ปรากฏตัวครั้งแรกในฉากที่ ไบรอัน โอคอนเนอร์ ซิ่งรถพาดอมหนีตำรวจมาด้วยกันและคุยกันเพลินจนทั้งคู่พลัดเข้าไปในถิ่นของเขา
และ จอห์นนี่ ทราน ได้ขี่มอไซค์บิ๊กไบค์มาพร้อมพรรคพวกรวมไปถึง แลนด์ เหงียน ที่เป็นทั้งญาติและสมุนมือขวาคนสำคัญ รับบทโดย เร็กกี้ ลี
หลังจากที่ทั้งคู่ทำทีเป็นวางก้ามพูดขู่และท้าดวลแข่งรถกับดอมที่ Race Wars หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ ก็ย้อนกลับมากระหน่ำยิงรถ Mitsubishi Eclipse ของไบรอันจนระเบิด
ซึ่งต้นเหตุของความขัดแย้งก็อย่างที่ดอมเล่าระว่าง ดอม และจอห์นนี่ ทราน นั้นเกิดจากความขัดแย้งทางธุรกิจและดอมยังเคยพลาดไปนอนกับน้องสาวของทรานอีกด้วย
และเมื่อไบรอันกับดอมและวินซ์ได้เข้าไปสอดแนมที่โรงรถของทรานพวกเขาก็ได้เห็นทรานกับพวกกำลังสอบสวนชายคนหนึ่งเรื่องเครื่องยนต์อย่างซาดิสต์ ซึ่งระหว่างนั้นไบรอันก็ได้สังเกตเห็นเครื่องเล่น DVD หลายกล่องในโรงรถ
เลยพาลเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสินค้าที่ถูกกลุ่มรถ Civic ปล้นจากรถบรรทุก นำไปสู่การส่งหน่วยสวาทไปบุกจับทรานถึงบ้าน แต่ท้ายที่สุดหลักฐานที่พบไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย ทรานจึงได้รับการประกันตัวออกมา
โดยในช่วงต้นเรื่อง The Fast & Furious ภาคแรก ทั้ง จอห์นนี่ ทราน และ แลนด์ เหงียน ต่างก็ขี่มอไซค์บิ๊กไบค์อย่างที่เราเห็นในช่วงที่มายิงรถของไบรอันจนระเบิด
ซึ่ง ทราน จะขี่มอไซค์ค์บิ๊กไบค์รุ่น Honda CBR 900 RR Fireblade ปี 1997 สีแดง เป็น Sport Motorcycle ที่ฮอนด้าพัฒนา มาพร้อมเครื่อง 4 จังหวะ 918 ซีซี จุน้ำมันได้ 4.8 ลิตร และมีแรงม้าถึง 130 แรงม้า ที่ 10500 รอบต่อนาที
ในขณะที่ แลนด์ เหงียน จะขี่ Yamaha YZF-R1 ปี 1998 สีน้ำเงินเทา ใช้เครื่องยนต์ Genesis DOHC 4 สูบ ขนาด 998 ซีซี ที่มี 5 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายเชื้อเพลิงด้วย Carburetors Mikuni ขนาด 40 มม. 4 ตัว ประกอบเข้ากับเฟรมอลูมิเนียมแบบ DeltaBox II มีขนาดฐานล้อเพียง 1,395 มม. น้ำหนักเพียง 192 กก. ทำให้มีแรงม้าถึง 148.8 แรงม้าที่ 10,000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 277.2 กม./ชม.
ต่อด้วยในช่วงกลางๆ เรื่อง จอห์นนี่ ทราน ก็ได้ขับรถ Honda S2000 ปี 2000 มาเข้าแข่งขันแดร็ก คาร์ที่ Race Wars กับ เจสซี่ ลูกทีมของดอม โดยมีฉากไฮไลท์ ที่ทราน กดอัด NOS จนสามารถเอาชนะรถ Volkswagen Jetta ของเจสซี่ ไปได้อย่างขาดลอย ทำให้เจสซี่ที่เดิมพันด้วยทะเบียนรถ ต้องสูญเสียรถอันเป็นที่รักของพ่อของเขาไป
ทำเอาเจ้าตัวถึงกับสติหลุดขับรถหนีเตลิดไปเลย รวมถึงยังเป็นชนวนให้เกิดฉากปะทะคารมกับดอม ที่ทรานหาว่าดอมเป็นต้นเหตุให้หน่วยสวาทบุกบ้านของเขา ก่อนที่จะถูกดอมต่อยหน้าจนเลือดกลบปาก
โดย Honda S2000 เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุน ที่ฮอนด้าผลิตในช่วงระหว่างปี 1999-2009 ซึ่ง S ย่อมาจาก Sport cars ส่วน 2000 นั้นจะไปสอดคล้องกับขุมพลังเบนซินไร้ระบบอัดอากาศ NA ขนาด 2,000 ซีซี ที่วางอยู่ในฝากระโปรงหน้ารถนั้นเอง และรถของทรานที่เราเห็นจะเป็นรุ่นปี 2000 สีดำดุ แถมในหนังเรายังได้ยินที่ไบรอันเตือนเจสซี่ก่อนแข่งแล้ว ว่าทรานลงเงินแต่งรถตัวเองไปเป็นแสน
จุดเด่นของ S2000 โฉมแรก AP1 ในปี 1999-2003 เริ่มด้วยขุมพลังหลักเครื่องเบนซิน 4 สูบเรียง DOHC รหัส F20C ขนาด 2.0 ลิตร 1,997 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุด 241-250 ตัว (PS) ที่ 8,500 รอบต่อนาที แรงบิด 208-218 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ตัวเครื่องวางหน้าแต่ส่งกำลังไปขับหลัง หรือเรียกว่า FR แถมยังให้ระบบลิมิเต็ดสลิปอยู่ที่เฟืองท้ายหลังอีกด้วย
ด้วยความที่มันเป็นรถเปิดประทุน วิศวกรจึงทำให้ S2000 มีโครงสร้างตัวถังแข็งแกร่งเป็นพิเศษกว่ารถคูเป้หลังคาปิด ด้วยการใช้พื้นตัวถังแบบ high X bone frame เพื่อทำให้ตัวรถมีอุโมงค์เพลากลาง พร้อมเชื่อมโครงสร้างทั้งหน้าและหลังให้อยู่ในระนาบเดียวกัน จนมีลักษณะคล้ายกับตัว X
จากนั้นในปี 2004-2009 ทางฮอนด้าได้ใช้ก็เริ่มปล่อย S2000 (AP2) ที่มาพร้อมเครื่องเบนซิน 4 สูบเรียง DOHC ขนาด 2.0 ลิตร รหัส F22C1 ออกขายที่ญี่ปุ่นและตลาดทั่วโลก นับเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เจ้าโรดสเตอร์รุ่นนี้ต้องหยุดผลิตไปในปี 2009 ปิดตำนานรถเปิดประทุนของฮอนด้าไปตลอดกาล
และในช่วงท้ายเรื่อง เมื่อ จอห์นนี่ ทราน ที่มีความคับแค้นแน่นอก ได้ขี่มอไซค์วิบาก อย่าง Kawasaki KLR 650 สีดำ ปี 2001 และ แลนด์ เหงียน ญาติของเขาก็ได้ขี่ Honda CR 125 ปี 1996 มายิง เจสซี่ เพื่อนรักของดอมจนตาย ทำเอาดอมถึงกับฟิวส์ขาด ซิ่งรถออกตามไล่ล่าทั้งคู่ ซึ่งจนแล้วจนรอด ทราน ก็ได้ถูกไบรอันยิงวิสามัญเข้าที่ลำตัวอย่างจังจนมอไซค์ล้มและเสียชีวิตในที่สุด
ส่วน แลนด์ เหงียน ก็โดนดอมปัดตูดท้ายรถ Dodge Charger ปี 1970 ใส่จนเหินลอยละลิ่วกลิ้งตกเนินไปหลายตลบเลยทีเดียว
ร้ายที่ 2 ก็คือ คาร์เตอร์ เวอร์โรน เจ้าพ่อค้ายารายใหญแห่งไมอามี่ เกิดที่อาร์เจนตินา รับบทแสดงโดย โคล เฮาเซอร์ ที่ปรากฎตัวใน 2 Fast 2 Furious ในปี2003 ตามที่เจ้าหน้า มาร์คัม ได้พูดบรีฟให้ไบรอันฟัง……ซึ่งในเนื้อเรื่อง เวอร์โรน ต้องการที่จะหายอดนักซิ่งฝีมือดีมาขับรถส่งของให้ (ซึ่งของในรถนั้นก็คือเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด)
เป็นเหตุให้ทางตำรวจต้องใช้ ไบรอัน และ โรมัน แฝงตัวเข้ามาเพื่อทำภารกิจ จนเมื่อโรมันต่อรองค่าเหนื่อยจาก 2 คน 1 แสน เป็นคนละ แสน
เวอร์โรนจึงเชิญทั้งคู่ไปเที่ยวผับของเขาอีกทั้งยังทรมานเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างซาติส ให้ทั้งคู่ดูพร้อมทั้งพูดขู่อีกว่า………..จนทั้งคู่รู้ว่าเวอร์โรนมีแผนเจ้าเล่ห์ที่จะสังหารเขาทั้งคู่หลังจากทำงานเสร็จ
เป็นเหตุให้ไบรอันและโรมัน จำเป็นต้องเตรียมแผนรับมือ อีกทั้งเพื่อที่จะช่วย โมนิก้า ฟูเอนเทส เจ้าหน้าที่ศุลากรสุดสวย ที่ถูกเวอร์โรนจับตัวไว้เป็นตัวประกันอยู่บนเรือ ซึ่งจนแล้วจนรอดไบรอัน ก็ไม่ยอมปล่อยให้เวอร์โรนได้หนี จึงเกิดฉากอันลือลั่นสวยๆ อย่างการขับรถ Chevrolet Camaro รุ่นปี 1969 พุ่งทะยานขึ้นไปบนเรือเพื่อที่จะจับกุมพ่อค้ายารายนี้จนได้
ซึ่งรถคันแรกของ คาร์เตอร์ เวอร์โรน ที่เราได้เห็นกันในช่วงต้นๆ เรื่องก็คือ Ferrari 360 Spider ปี 2000 สีแดง ที่จอดอยู่ในลานจอดเรือ ตามที่คาร์เตอร์ ได้บอก เพื่อเป็นการทดสอบฝีมือกลุ่มนักซิ่ง ให้แย่งกันไปเอาของสำคัญในรถ แต่เป็นที่น่าเสียดายเพราะมันดันถูกโรมันโชว์กร่างพุ่งชกซะกระจกแตกเลยทีเดียว
โดยเจ้า Ferrari 360 Spider เป็นรถเปิดประทุนที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 Dry Sump 3.6 ลิตร 395 แรงม้า เกียร์ 6 สปีด แน่นอนว่าเสียงคำรามของมันจะทำให้คุณรู้สึกเสมือนว่ากำลังขับรถ Formula 1 อยู่ยังไงยังงั้นเลยแหละ
นอกจากนี้ยังมี Ferrari F355 Spider ปี 1995 จอดอยู่ด้วยระหว่างทางที่ไบรอันและโรมันกำลังเดินตามเจ้าหน้าที่ โมนิก้า ไปที่โต๊ะอาหารเพื่อนั่งคุยกับเวอร์โรน
โดย Ferrari F355 Spider F1 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 วางกลาง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.7 วินาที ความเร็ว 295 กม./ชม.และถือเป็นครั้งแรกที่เฟอร์รารี่นำเอาระบบหลังคาอัตโนมัติแบบไฟฟ้ามาใช้ ในตอนแรก รุ่น Spider เป็นแบบ 6 สปีด ต่อมาในปี 1997 ได้เพิ่มเครื่องแบบ F1 ด้วย เป็นรุ่นยอดนิยมเป็นอันดับสองในกลุ่ม F355 ผลิตขึ้นทั้งหมด 3,717 คัน โดยเป็นแบบ 6 สปีด 2,664 คัน และแบบ F1 ทั้งหมด 1,053 คัน
ส่วน 2 สมุนคู่แฝดอภินิหาร โรเบอร์โต้ และเอ็นริเก้ ของ คาร์เตอร์ เวอร์โรน ก็ได้ขับ Cadillac DeVille Convertible ปี 1968 ในฉากที่มาสะกดรอยตามไบรอันและโรมันมาที่อู่ของเทจ จนถูกโรมันจุดไฟเผากระจกรถซะไหม้เลย
เมื่อเข้าสู่ท้ายเรื่อง ก่อนที่เวอร์โรนจะออกจากบ้าน เราก็จะได้เห็นรถ Bentley Continental R ปี 1998 จอดอยู่ด้านหลัง รถยนต์สัญชาติอังกฤษ มาพร้อมเครื่องยนต์ เทอร์โบชาร์จเจอร์ Bentley V8 กำลัง 420 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 881 นิวตันเมตร
และก่อนที่เวอโรนกับมอนิก้าจะเดินมาขึ้นรถ Lincoln Navigator Ultimate [U228] ปี 2003 เพื่อหลอกล่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะไปที่ลานบิน เพราะเขารู้ว่า โมนิก้า หักหลังและเป็นสายสืบให้ตำรวจ โดยมันมาพร้อมเครื่องยนต์ 5.4 ลิตร V8 DOHC 32 valves มีแรงบิดอยู่ที่ 328 นาโนเมตรและความเร็วสูงสุด 246 กม. / ชม. เร่งจาก 0 ถึง 100 กม. / ชม. ใน 8.5 และพุ่งไปถึงควอเตอร์ไมล์ที่ 14.8 วินาที ราคารถเริ่มต้นที่ $ 69,995
ต่อกันด้วยร้ายที่ 3 ก็คือ ทาคาชิ เจ้าถิ่นเจ้าของฉายา ดี.เค.หรือ ดริฟท์คิงจากโตเกียวนั่นเอง รับบทแสดงโดย ไบรอัน ที ปรากฏตัวใน Fast & Furious 3 Tokyo Drift ในปี 2006 ซึ่งเปิดเรื่องมาเขาก็โชว์ได้ความกร่างเข้าไปหาเรื่อง ฌอน บอวเวลล์ ในทันทีเมื่อเห็นว่า ฌอน เข้ามาคุยเจ๊าะแจ๊ะกับนีล่า แฟนสาวของตัวเอง ทำเอาหึงหัวร้อนเลยทีเดียว
จนเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ได้มาแข่งดริฟท์กัน ซึ่งทาเคชิก็โชว์ลีลาจัดหนักสมฉายา ดริฟท์คิง ชนะฌอน ไปได้อย่างขาดลอย แต่หากจะถามว่า ทาคาชิ นั้นเป็นยากูซ่าที่น่ากลัวมั้ย เราต้องไปฟังจากปากฮานกันแล้วละ……
และเมื่อถูก คามาตะ ลุงที่เป็นยากูซ่า นั้นเรียกมาต่อว่าทีเล่นทีจริงว่า ฮาน แอบยักยอกเงินจากธุรกิจ รวมถึงได้มาเห็นว่าแฟนตัวเองมาอยู่กับฌอนที่อู่ของฮานเขาจึงหันมาไล่ล่าฮานอย่างเอาเป็นเอาตาย และเมื่อเข้าใจว่าฮานเสียชีวิตแล้วเขาจึงดึงนีล่ากลับไปด้วย ก่อนที่จะมาแพ้ให้กับฌอนอย่างหมดรูปจนหน้าจ๋อยสนิทในช่วงท้ายเรื่อง ทำให้ฌอนขึ้นเป็นดริฟท์คิงคนใหม่แทน
ซึ่งรถคู่ใจของ ทาคาชิ ดริฟท์คิง นั้นก็คือ Nissan Fairlady Z 350Z หรือ (Z33) ปี 2002 รถสปอร์ต 2 ประตู สีดำลายเทาเวอร์ชั่นแต่ง VeilSide Mk III Wide-Body kit แบบฟูล-บอดี้ สำหรับเครื่องยนต์นั้น มีการติดตั้งเทอร์โบจากสำนัก APS ทั้งหมด 2-ลูก สร้างแรงม้าได้ประมาณ 430-แรงม้า และมีแรงบิดประมาณ 420-ปอนด์ฟุต ระบบคลัตช์เป็นแบบคลัตช์คู่จาก NISMO และเฟืองท้ายเต็ดแบบ 2-ทาง จากสำนัก NISMO เช่นเดียวกัน
ส่วนภายในตัวรถนั้น มีโรล-เคจแบบเต็มลำ เบาะบัคเก็ต-ซีท และพวงมาลัยโมโม่ นอกเหนือจากนั้นแล้ว เป็นของเดิมจากโรงงานทั้งหมด แต่สุดท้ายรถคันนี้ก็พลาดจนพลิกคว่ำตกเนินเขาพังยับในฉากที่ ทาเคชิ แข่งกับรถ Ford Mustang ปี 1967 ของฌอน
ซึ่งล่าสุดเจ้า Nissan Fairlady Z 350Z คันนี้ ได้ถูกประกาศขายอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าของชาวอังกฤษ ได้ตั้งราคาขายไว้ที่ 99,950-ปอนด์ (ประมาณ 4.3-ล้านบาท)
ซึ่งราคาดังกล่าวนี้ คาดว่าจะถูกประมูลจนอาจจะไปจบที่ราวๆ 120,000-ปอนด์ (ประมาณ 5.2-ล้านบาท) เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีฉากที่ฮานคุยกับทาคาชิ ที่ร้านปาจิงโกะ เรื่องแข่งกินรถกัน ซึ่งทาคาชิก็ถามฮานว่าพร้อมสละรถให้ฌอนแข่งอีกคันมั้ยละฮาน แถมฮานยังบอกว่าพร้อมกิน รถโคโรลล่า ปี 86 ของทาเคชิ (ซึ่งก็น่าจะเป็นรถอีกคันในคอลเลคชั่นของทาคาชิ อีกด้วย)
ก่อนที่ทาคาชิจะถามกลับว่า…….ซึ่งถ้าใครนึกภาพไม่ออก มันก็คือรถส่งเต้าหู้ AE86 ที่ตัวเอกในการ์ตูน InitailD ใช้นั่นเอง (แต่ไม่รู้ว่าเวอร์ชั่นแต่งของทาคาชิ จะเป็นอย่างไร เพียงแค่มีการเอ่ยขึ้นมาลอยๆ)
ซึ่งใน Fast & Furious 3 Tokyo Drift ฉากที่ฌอน ใช้อีโวสีแดง แข่งกับ 350Z ของ โมริโมโตะ ถ้าสังเกตดีๆ เราจะได้เห็น Toyota Corolla AE86 จอดอยู่ ซึ่งมันอาจจะเป็นรถของทาคาชิ ที่ฮานเอ่ยถึงก็เป็นได้
ในส่วนของลูกน้องอย่าง โมริโมโตะ ที่รับบทโดย ลีโอนาร์โด แนม เพื่อนซี้ของทาคาชิ นักดริฟท์อีกคนที่คอยทำตัววางก้ามเป็นอริกับ ฌอน และฮาน แถมยังเคยมีเรื่องมีราวกับทวิงกี้จนฌอนต้องเข้าไปเคลียร์ให้ เพราะโมริโมโตะหาว่า ทวิงกี้ขาย iPod พังๆ ให้กับเขา
โดยโมริโมโตะก็ได้ใช้รถรุ่นเดียวกันกับ ทาคาชิ แต่ต่างกันตรงที่เป็นสีเหลืองทอง มาพร้อมชุดแต่งของ Top Secret wide-body kit ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ 350Z คันนี้ถูกชนจนพังยับในฉากไล่ล่าฮาน
ส่วนรถของลุงคามาตะที่ใช้นั่งมาหาทาคาชิที่ร้านปาจิงโกะ ก็คือ Mercedes-Benz S-Klasse [W140] ปี 1992 ซึ่งเขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลหัวหน้าแก็งค์ยากูซ่าตัวจริงในโตเกียวแถมยังเป็นลุงแท้ๆ ของทาคาชิอีกด้วย รับบทโดย ซอนนี่ ชิบะ
มาถึงร้ายคนที่ 4 ที่ปรากฏตัวใน Fast & Furious 4 ในปี 2009 ก็คือ รามอน แคมโพส หรืออีกชื่อก็คือ อาร์ทูโร่ บราก้า รับบทโดย จอห์น ออร์ติช เจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ ที่แกล้งปลอมตัวทำเป็นลูกน้องคนหนึ่งที่คอยจัดการดูแลเรื่องการจัดหานักซิ่งมือโปรฯ เพื่อไปทำงานให้บราก้าอีกที จนกระทั่งความลับตัวตนที่แท้จริงถูกเปิดเผยเขาจึงรีบหนีไปเม็กซิโก จนดอมและไบรอันต้องข้ามพรมแดนไปพาตัวกลับมารับโทษ
ต่อมาหลังจากติดคุกอยู่ได้พักใหญ่ เขาได้เจอกับไบรอันอีกครั้งในคุกแบบคาดไม่ถึง ใน Fast6 โดยไบรอันแฝงตัวเข้าไปเป็นนักโทษหวังสืบหาข้อมูลเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างเขากับ โอเว่น ชอว์ และเรื่องราวเบื้องหลังเหตุการณ์ของเล็ตตี้ ที่ทำให้ใครๆ ต่างเข้าใจผิดคิดว่าเธอคนนี้เสียชีวิตไปแล้ว แต่จู่ๆ เธอก็ไปเป็นพวกของ โอเว่น ชอว์ ซะงั้น แถมยังยิงปืนใส่ดอมแบบไม่ลังเล
โดยรถคันแรกที่เรามักจะได้เห็น อาร์ทูโร่ บราก้า ยืนเก็กหล่อกอดอกอยู่หน้ารถอยู่บ่อยครั้งก็คือ Cadillac Escalade ESV [GMT936] ปี 2008 รถหรูทรง SUV ออกแบบและผลิตโดยเจเนอรัลมอเตอร์ มาพร้อมกับเครื่อง V8 6.2 ลิตร 403 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และแบบ manual shift control
และรถอีกคันที่แคมโพสให้บราก้าตัวปลอมนั่งมาตอน ดอมกับไบรอัน เจรารับส่งของก็คือ รถผู้บริหารสุดหรูอย่าง Cadillac STS-V ปี 2006 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4.4 ลิตร Northstar LC3 V8 ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 469 แรงม้า 595 นิวตันเมตร
ต่อด้วยรถที่บราก้า ใช้นั่งมาที่โบสถ์ในเม็กซิโก ก็คือรถ Rambo Lambo หรืออีกชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ Lamborghini LM-002 ปี 1990 สีดำ ก่อนที่จะถูกดอมและไบรอันมาเอาปืนจ่อในโบสถ์และคุมตัวขึ้นรถหนี เพื่อที่จะข้ามพรมแดนเอาบราก้ากลับไปรับโทษ
โดยเจ้า Lamborghini LM-002 คันนี้ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัท Lamborghini Automobile ในช่วงปี 1986-1993 รวมถึงเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 4WD ที่ Lamborghini ได้ผลิตออกมา แถมผลติเพียงแค่ 300 คันเท่านั้น และมีเพียง 48 คันที่ถูกนำมาอัพเกรดต่อยอดให้กลายเป็น Rambo Lambo มันมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 7.2 ลิตร L804 marine V12 ระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เรียกว่าเป็นรถที่มีพละกำลังมากพอที่จะแหวกป่าดงพงไพรได้อย่างสบายๆ
นอกจากนี้ยังมี Fenix Calderon (ฟีนิกซ์ คัลเดรอน) ลูกน้องคนสนิท รับบทโดย ลาซ อลองโซ่ สมุนมือขวาที่มักจะคอยช่วยเหลือคุ้มครองเจ้านายที่ถูกไล่ล่าให้ปลอดภัย โดยเขาเข้าปะทะคารมกับดอมในครั้งแรกที่เจอกัน….. อีกทั้งเขายังเป็นคนที่ยิงรถของเล็ตตี้จนระเบิดเป็นต้นเหตุให้เธอสูญเสียความทรงจำ ซึ่งรถที่ฟินิกซ์ เลือกใช้ก็คือ Ford Gran Torino Sport ปี 1972 สีเขียว ซึ่งเขาขับมันในฉากไฮไลท์อย่างการเป็นจ่าฝูงของนักซิ่ง นำทางหลบการตรวจจับเรดาห์ของเจ้าหน้าที่บริเวณรอยต่อระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศเม็กซิโก นั่นเอง
ซึ่งในช่วงท้ายเรื่อง ฟินิกซ์ ก็ได้ขับรถคันนี้พุ่งชนกลางลำรถ Subaru Impreza WRX STi ปี 2009 ของไบรอัน ก่อนออกจากอุโมงค์จนพลิกคว่ำหลายตลบ โดย Ford Gran Torino Sport ปี 1972 จะมีรูปทรงด้านหน้าตะแกรงกระจังรูปไข่ปลาขนาดใหญ่ มองคล้ายกับว่าตัวรถกำลังอ้าปากกว้างอยู่ตลอดเวลา ดูเป็นเอกลักษณ์ที่ทำออกมาได้อย่างลงตัว มาพร้อมเครื่องยนต์ “Cobra-Jet” 428 4V FE V8 335 แรงม้า แรงบิด 603 นิวตันเมตร ตัวรถมีน้ำหนักอยู่ที่ 1530 กก.
ร้ายที่ 5 เมื่อเข้าสู่ Fast & Furious 5 ในปี 2011 ตัวร้ายประจำภาคนี้ก็คือ เฮอร์แนน เรเยส นักธุรกิจเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่แห่งริโอ บราซิล รับบทโดย โจอาคิม เดอ อัลมาตา ผู้ที่ขึ้นชื่อว่ามีอิธิพลจนชนิดที่สามารถครอบงำทุกอย่างในเมืองได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกรมตำรวจที่เขาเลี้ยงเจ้าหน้าที่ตำแหน่งใหญ่โตเอาไว้เป็นแขนขาทำงานให้
ซึ่ง เฮอร์แนน เรเยส ผู้นี้นี่เองที่เป็นเจ้าของรถหรูคลาสิกของกลาง 3 คันที่กำลังถูกขนย้ายมาบนขบวนรถไฟพร้อมกับเจ้าหน้าที่ DEA จนเมื่อแผนชิงรถคืนของเขาต้องมาพลาดท่าเพราะถูกดอมและไบรอันมาชิงรถ Ford GT 40 (ที่ขับโดยมีอา) หนีตัดหน้าไปซะก่อน
ซึ่งสิ่งที่เขาต้องการจากรถคันนั้นก็คือ ชิฟบันทึกการค้าตารางการส่งของเครือข่ายทั้งหมดมูลค่าหลายร้อยล้าน ที่ถูกซ่อนอยู่ในเครื่องเล่นเพลงของรถ Ford GT 40 ซึ่งในช่วงต้นเรื่องเขาสามารถจับดอมกับไบรอันได้แล้วแท้ๆ แต่ก็ดันชะล่าใจจนทั้งคู่สามารถหนีออกมาได้
ในหนังช่วงกลางๆ เรื่องจะเห็นว่า เฮอร์แนน เรเยส ก็เป็นคนที่โหดเข้าขั้นเหมือนกัน ในช่วงที่เขารู้ว่าเงินของเขาถูกปล้นและเผา เขาถึงกับคุมโทสะเอาไว้ไม่อยู่คว้าเอาเครื่องทองเหลือง (คล้ายที่ทับกระดาษ) ฟาดเข้าหัวลูกน้องที่มารายงานจนเลือดอาบเลยทีเดียว
และในช่วงท้ายของเรื่อง เฮอร์แนน เรเยส เริ่มกังวลเป็นห่วงเงิน 100 ล้านเหรียญฯ ของตัวเอง เกรงว่าพวกดอมจะมาขโมยเงิน เขาจึงได้ขนย้ายเงินทั้งหมดของตัวเองมาซ่อนเอาไว้ในตู้เซฟในกรมตำรวจริโอ พร้อมทั้งสั่งตั้งค่าหัวไล่ล่าพวกดอมอย่างดุเดือด จนเผลอไปดักซุ่มโจมตีจนฆ่าลูกน้องของ ฮ็อบส์ เจ้าหน้าที่ DSS ซะเกลี้ยง เป็นเหตุให้ฮ็อบส์ต้องหันมาแท็คทีมกับดอมเพื่อนโค่นเจ้าพ่อค้ายารายนี้ให้จงได้
ซึ่งตอนจบของเรื่องเขาก็โดนดอมขับรถลากตู้เซฟเหวี่ยงใส่ จนรถ Dodge Charger SRT-8 ของดอมปลิวไปทับหลังคารถจนพังยับและได้รับบาดเจ็บทุลักทุเลออกมาจากรถร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนที่จะโดนฮ็อบส์เดินมายิงวิสามัญซ้ำอีกดอกแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง จนตายคาที่
แต่พี่แกได้ฉากไฮไลท์อย่างสัมผัสบั้นท้ายจีเซลไป ก็ตายตาหลับได้แล้วละจริงมั้ย
โดยรถคันแรกและคันเดียวที่เราได้เห็นเจ้าพ่อค้ายารายนี้นั่งในช่วงต้นเรื่องก็คือ Volkswagen Touareg (Typ 7L) ปี 2004 ในฉากที่จับดอมและไบรอันแขวนเอาไว้ ก่อนที่จะเดินออกมาขึ้นรถกลับ
และในฉากตอนจบที่ถูกดอมกด NOS ลากตู้เซฟจนรถ Dodge Charger SRT-8 ปลิวไปทับหลังคารถที่เรเยสนั่งมาจนพังยับ โดย Volkswagen Touareg (Typ 7L) ปี 2004 จะใช้เครื่องยนต์ 3.2L V6 DOHC 24 valves มาพร้อมเกียร์ 6 speed Tiptronic automatic มีความจุ 555 ลิตรและตัวรถมีน้ำหนัก 2307 กก.
และเมื่อเข้าสู่ Fast & Furious 6 ในปี 2013 เหล่าครอบครัวนักซิ่งที่นำทัพโดยดอม ก็ต้องเจอเข้ากับของแข็งอย่าง โอเว่น ชอว์ อดีตทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษของอังกฤษ (SAS) Special Air Service รับบทโดย ลุค อีแวนส์ ที่ผันตัวมาเป็นหัวหน้าแก็งอาชญากร ที่มาพร้อมลูกทีมที่ส่วนใหญ่เคยเป็นทหารรับจ้างฝีมือดีโดยมีเป้าหมายหลักคือ การปล้นอุปกรณ์ไฮเทคและนำไปขายต่อในตลาดมืด โดยเขาคนนี้นี่แหละ ที่ทำเอาเจ้าหน้าที่ฮ็อบส์ถึงกับจนปัญญาต้องแบกหน้ามาถึงหน้าบ้านให้ดอมช่วย จนในท้ายเรื่องฮ็อบส์ก็ได้รู้ถึงไส้ศึกที่อยู่ข้างกายเขามาตลอดก็คือเธอคนนี้ เจ้าหน้าที่ไรลี่ย์ ฮิคส์ และเธอยังเป็นคนรักของชอว์อีกด้วย
ซึ่งในช่วงต้นๆ เรื่อง Fast & Furious6 เราจะได้เห็นการเปิดตัว โอเว่น ชอว์ ที่ได้ขับ Flip car รถจอมเสยที่ต้องบอกก่อนเลยว่ามันไม่ใช่รถที่มีสายการผลิตขายกันจริงๆ ก็อย่างที่ในหนังบอกว่ามันเป็นรถที่ถูก “สั่งทำ” ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อที่ชอว์กับพวกจะได้ใช้มันสำหรับการปล้นที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา
ซึ่งเบื้องหลังรถจอมเสยพวกนี้เป็นผลงานการออกแบบของ เดนนิส แม็คคาร์ธี ทีมงานผู้ดูแลเรื่องการจัดหารถและจัดทำเจ้ารถที่ร้ายกาจพวกนี้ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจคร่าวๆ มาจากรถแข่ง Fomula One และมันมีน้ำหนักรวม ถึง 3,900 ปอนด์
แน่นอนว่ามันมาพร้อมฉากเด็ดอย่างการวิ่งเฉยรถตำรวจซะลอยละลิ่วไปหลายคัน
ต่อกันด้วยฉากกลางๆ เรื่อง หลังจากที่ เล็ตตี้กับดอมได้แข่งรถที่ลอนดอนและคุยกันเสร็จ โอเว่น ชอว์ ก็โผล่มาพร้อมกับรถ Aston Martin DB9 ปี 2004 แบรนด์รถสปอร์ตสุดหรูและเก่าแก่จากเมืองผู้ดี ซึ่งรถแบรนด์นี้หลายๆ คนคงจำได้ในฐานะรถประจำตัวของ เจมส์ บอนด์
แต่ในหนัง Fast มันดันกลายเป็นรถที่ตัวร้ายชอบใช้ซะนี่ โดยเฉพาะสองพี่น้องอย่าง โอเว่น และ เด็คการ์ด ชอว์ ทำให้ดูเป็นวายร้ายที่ดูมีระดับขึ้นมาทันที โดย Aston Martin DB9 มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6 ลิตร ตัวเครื่องยนต์สันดาปด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 4 จังหวะ 547 แรงม้า ใช้เกียร์แบบธรรมดา 6 สปีด การทำงานของเครื่องยนต์ 5,500 รอบ / นาที ทำความเร็วสูงสุด 360 กม./ชม และชุดคลัทช์อิเล็คทรอนิคส์ ทำความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. เพียง 4.5 วินาที “เท่านั้น”
นอกจากนี้ยังมีฉากร่วมขับรถถังอังกฤษ นั่นก็คือรุ่น Vickers-Armstrong FV 4201 Chieftain ที่ผลิตในปี 1966 – 1995 อีกคันด้วยนะทุกคน พี่แกเล่นของใหญ่ของหนักจริงๆ ทำเอาพังยับไปทั้งถนน เพราะมันมีความแรงถึง 750 แรงม้าเลยทีเดียว
และช่วงท้ายเรื่อง เราก็จะได้เห็น โอเว่น ชอว์ ขับรถ MercedesBenz G-Class ขึ้นมาจอดบนเครื่องบินขนส่ง ในฉากต่อสู้ ตามภาพ โดยอักษร G นั่นย่อมาจาก Gelandewagen ในภาษาเยอรมันที่หมายถึง Cross country vechicle
โดย G-Class จัดเป็นรถ SUV ขับเคลื่อนสี่ล้อขนาดกลางสไตล์หรูของ Benz แบรนด์รถเยอรมันชื่อดัง ซึ่งมีการผลิตมาตั้งแต่ปี 1979 – ปัจจุบัน (สำหรับ SUV) และช่วงปี 2013-2015 (สำหรับแบบกระบะ)
และยังมี ALFA ROMEO GIULIETTA QUADRIFOGLIO VERDE เป็นรถอีกคันที่จอดอยู่บนเครื่องบินขนส่งของ โอเว่น ชอว์ ซึ่งถูกขับลงมาจากเครื่องบินโดย ไบรอันพร้อมกับมีอา โดย Giulietta มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร MultiAir ให้พละกำลัง 170 แรงม้า
นอกจากนี้ทางค่าย Alfa Romeo ยังเกาะกระแส Fast & Furious 6 เปิดตัว “Giulietta” เวอร์ชั่นพิเศษ Limited Edition ออกจำหน่ายในประเทศอังกฤษ โดยมีจำนวนผลิตจำกัดเพียง 6 คันเท่านั้น ซึ่งบนคอนโซลหน้ามีลายเซ็นของนักแสดงจากภาพยนตร์ Fast 6 ครบทุกคน อีกทั้งยังประทับหมายเลขบ่งบอกจำนวนการผลิต 1 – 6 ที่เข้ากับจำนวนภาคต่อของหนังสุดมันส์เรื่องนี้กันเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้นลูกค้าที่จับจอง Giulietta รุ่นพิเศษยังได้มีโอกาสเข้าชมเบื้องหลังการถ่ายทำในภาคต่อไปด้วย ส่วนราคาจำหน่ายของ Alfa Giulietta Fast & Furious คันนี้ก็อยู่ที่ 25,675 ปอนด์
ต่อกันด้วยร้ายที่ 7 เด็คการ์ด ชอว์ ใน Fast & Furious7 เมื่อการตามล้างแค้นได้ยกระดับความมันขึ้นไปอีกขั้น กับการตามล่าชำระความแค้นตามประสาพี่ชายอย่าง เด็คการ์ด ชอว์ อดีตทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษของอังกฤษ (SAS) Special Air Service เช่นเดียวกันกับน้องชาย โอเว่น ชอว์ รับบทแสดงโดย เจสัน สตาแธม ทันทีที่ได้รู้ว่าน้องชายบาดเจ็บหนักอยู่ในโรงพยาบาล เขาจึงเริ่มภารกิจโหดออกไล่ล่าจัดการกับพวกดอมทีละคนๆ ตั้งแต่ ฆ่าฮานที่โตเกียว,เล่นงานฮ็อบบ์ซะอ่วม
โดยรถคันแรกที่เราได้เห็น เด็คการ์ด ชอว์ ขับก็คือในช่วง End Credit Tokyo Drift กับ Mercedes-Benz W140 ปี 1992 เป็นซีรีย์ของรุ่นเรือธงของ Benz ที่มีการผลิตหลายรุ่นหลายแบบตั้งแต่ปี 1991-1998 คนส่วนใหญ่มันจะรู้จักกันในนาม S-Class ถึงแม้จะไม่ใช่รถซิ่งหรือเป็นสปอร์ตแนวเฟี้ยวฟ้าวอะไรนัก
แต่มันก็เป็นรถที่มีบทบาทสำคัญที่ เด็คการ์ด ชอว์ ขับมันชนรถ Mazda RX-7 VeilSide Body Kit ของฮานเข้าอย่างจังจนพลิกคว่ำพังยับไปทั้งคันก่อนที่จะระเบิด
และคันที่ 2 ใน fast and furious 7 ในฉากเปิดตัวต้นเรื่องที่ เด็คการ์ด ชอว์ มาบุกมาเยี่ยมน้องชาย โอเว่น ชอว์ ก่อนที่ระลึกถึงเรื่องในวัยเด็กพร้อมบอกว่าเดี่ยวพี่จะปิดบัญชีแค้นให้เอง
หลังจากถล่มโรงพยาบาลซะพังยับพร้อมซากหน่วยสวาทที่นอนตายกันเหลื่อน โดย เด็คการ์ด ได้เดินมาขึ้นแบรนด์รถหรูเมืองผู้ดีอย่าง Jaguar F-Type R Coupe รุ่นปี 2014 ที่จอดอยู่หน้าโรงพยบาบาล
Jaguar F-Type R Coupe ถือเป็นตัวท็อปไลน์ มาพร้อมเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ V8 ความจุ 5.0 ลิตร พร้อมซูเปอร์ชาร์จ รีดพลังได้ถึง 550 แรงม้า แรงบิด 680 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.ที่ 4 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 300 กม./ชม. นอกจากนี้ยังมีระบบเบรกคาร์บอนเซรามิก carbon ceramic matrix เป็นอ็อปชั่นเสริมพิเศษที่มีน้ำหนักเบากว่าเบรกสแตนดาร์ดถึง 21 กก.
ต่อด้วยก่อนเข้ากลางๆ เรื่อง Fast 7 ในฉากงานศพฮาน เด็คการ์ด ชอว์ ก็ได้ขับ Maserati Ghibli M157 ปี 2014
รถหรูอิตาเลี่ยน ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3,000 ซีซี พละกำลังสูงสุด 330 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 263 กม./ชม. ราคาเริ่ม 6.9 ล้านบาท
โดยมันถูกนำมาซิ่งประสานงานชนกับรถ Plymouth Road Runner ปี 1970 ของดอม จนพังเละไปทั้งคู่แต่รถของ เด็คการ์ด จะแข็งแรงกว่าเพราะได้มีการแอบเสริมตัวถังรถมาก่อนแล้ว อย่างที่ดอมพูดว่า “มันเหมือนการขึ้นชกแล้วแอบใส่สนับในนวมเลย” ก่อนที่หน่วยของ Mr.Nobody จะลงมาช่วยดอม
เมื่อมาถึงภารกิจที่ดอมและทีมต้องไปชิงตัวแฮกเกอร์สาวแรมซีย์ โดยทิ้งรถดิ่งลงมาจากเครื่องบินมาลงที่ถนนกลางหุบเขา เด็คการ์ด ชอว์ ก็โผล่มาขัดขวางดอม ด้วยรถ FAV หรือ Fast Attack Vehicle แปลตรงตัวเลยก็คือพาหนะโจมตีเร็วที่สำคัญมันคือรถที่มีอยู่จริงๆ ไม่ได้ถูกเมคขึ้นมาโดยทีมหนังเหมือน FlipCar รถจอมเสยของ โอเว่น ชอว์ ใน Fast 6
เพราะปัจจุบัน FAV มีชื่อเรียกว่า Patrol Vechicle (DPV) หรือพาหนะลาดตระเวนทะเลทราย มันเป็รถหุ้มเกราะเบาความเร็วสูง ผลิตโดย Chenowth Racing Product Inc มันเป็นพาหนะทางการทหารที่กองทัพสหรัฐฯ เริ่มนำมาใช้ที่สงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปี 1991 และยังคงมีประจำการในกองทัพถึงปัจจุบัน
แต่ในหนัง Fast 7 ที่ เด็คการ์ด ชอว์ จะมีหน้าตาที่แปลกออกไปคาดว่าทีงานหนังจะนำรถ DPV มาดัดแปลงให้ดูเว่อร์และบิ้กกว่าเดิมสำหรับในฉากนี้ แต่สุดท้ายก็โดนโรมันและดอมช่วยกันชนจนพลิกคว่ำตกภูเขาไปหลายตลบ
หลังจากเหตุการณ์ที่ดอมและไบรอันได้ซิ่งรถ Lykan Hypersport กระโจนข้ามตึก ที่อาบูดาบีเรียบร้อยแล้ว ดอมก็ให้แรมซีย์ใช้ตาเทพค้นหาตัว เด็คการ์ด ชอว์ ก็จะเห็นว่าเขาหนีไปซ่อนตัวกบดานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งที่ไร้ผู้คนด้วยรถ Lamborghini Aventador LP 700-4 ปี 2012
ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ความจุกระบอกสูบ 6.5 ลิตร 700 แรงม้า ความเร็วสูงสุดทะยานไปได้ถึง 349 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ภายในเวลาเพียง 3 วินาที
และเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายเรื่องใน Fast 7 เด็คการ์ด ชอว์ ก็ได้เลือกรถ Aston Martin DB9 ปี 2008 ในฉากซิ่งรถประสานงานกับรถ Dodge Charger R/T ปี 1970 ของดอม
โดย Aston Martin DB9 ปี 2008 เป็นซูเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษสุดหรู ดีไซน์สวยล้ำสมัย โฉบเฉี่ยวทุกเส้นสาย ถือเป็นไฮไลท์ของภาคนี้เลยทีเดียว มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,000 ซีซี ให้กำลัง 517 แรงม้า แรงบิด 620 นิวตันเมตร ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.6 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 295 กม./ชม.
ต่อกันด้วยผู้ก่อการร้ายชาวโซมาเลียที่มีกองกำลังติดอาวุธของตัวเอง โมซี่ จาคานดี้ รับบทโดย ดิจิมอน ฮาวน์ซู ที่ลักพาตัว แรมซีย์ แฮ็คเกอร์สาวเพราะต้องการจะครอบครอง “ตาเทพ” โปรแกรมคอม อัจฉริยะที่สามารถใช้ค้นหาบุคคลที่ต้องการผ่านระบบดิจิตอลทุกอย่างบนโลกใบนี้ และเมื่อดอมกับทีมซิ่งมาช่วยชิงตัวแรมซีย์หนีไปเขาจึงหันมาร่วมมือกับ เด็คการ์ด ชอว์ เพื่อจัดการทีมดอมและบรรลุเป้าหมายให้จงได้
โดยรถที่ โมซี่ จาคานดี้ นั่งมาก็คือ Chevrolet Suburban ปี 2010 รวมถึงในช่วงท้ายเรื่องเขาก็ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ รุ่น CGI Stealth Attack Helicopter มาพร้อมกับตาเทพเพื่อชิงตัวแรมซีย์ และจัดการดอมและเด็คการ์ด ชอว์
แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะดันเจอเข้ากับแผน เล่นลิงชิงบอลรับส่งตัวแรมซีย์ โดยเมื่อเข้าใกล้ระยะก็จะให้แรมซีย์แฮ็คเข้าระบบตาเทพอีกที
และเมื่อเข้าสู่ Fast and furious 8 ทีมซิ่งต้องเจอกับวายร้ายสาวไฮเทค นามว่า ไซเฟอร์ รับบทโดย ชาร์ลิซ เธอรอน ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ เธอดูดี เยือกเย็น สุขุมรอบคอบ แต่ก็โหดเหี้ยมใช่เล่น
เธอสามารถสั่งฆ่าคนเพื่อผลประโยชน์สูงสุดได้โดยไม่รู้สึกอะไร แถมเธอยังได้ฆ่า เอเลน่า แม่ของลูกชายดอม อีกด้วย เพื่อขู่ให้เห็นว่าเธอนั้นพูดจริงทำจริง และหลอกใช้ความโกรธของดอมมาเป็นแรงผลักดันจนดอมต้องยอมแปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายตนและทำภารกิจตามที่เธอคนนี้สั่ง
ถ้ายังจำกันได้เธอยังมีชอตเด็ดอย่างการจูบดอมหยามต่อหน้าเล็ตตี้ซะด้วย ทำเอาคนดูงงเป็นไก่ตาแตกในตัวอย่างว่าเธอคนนี้คือใคร แล้วเพราะอะไรดอมถึงเปลี่ยนไป จนแล้วจนรอดไซเฟอร์ก็สามารถหนีไปได้ในท้ายเรื่อง Fast 8 และล่าสุดเธอได้กลับมาใน Fast and furious 9 พร้อมผมสั้นทรงใหม่ไฉไลกว่าเดิมและอาวุธมหาประลัยที่แลดูจะไฮเทคกว่าเดิมหลายขุม
และในฉากที่ดอมมาฮันนีมูนกับเล็ตตี้ ที่ฮาวาน่า คิวบา ระหว่างที่ดอมออกไปซื้อของก็ได้เจอไซเฟอร์ที่มาดักรอ โดยแกล้งทำเป็นรถเสียสตาร์ทไม่ติด ด้วยรถ Toyota Land Cruiser J40 สีแดง ก่อนที่จะเอาคลิปของเอเลน่าและลูกที่ถูกจับเป็นตัวประกันมาขู่ดอมโดย Toyota Land Cruiser J40 ถูกผลิตในปี 1960-1984 มีให้เลือกทั้ง เครื่องยนต์เบนซิน 105-140 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล 84-103 แรงม้า
นอกจากรถ Toyota Land Cruiser J40 ในช่วงต้นเรื่องแล้วเราก็ไม่ได้เห็นไซเฟอร์กับรถอีกเลยเพราะเธอคอยบัญชาการอยู่บน Fictional Boeing 787 Variant ที่เราจะได้เห็นในตอนต้นเเรื่องบินมาเปิดท้ายรับรถของดอมที่ขโมยอาวุธ EMP หนีฝูงรถตำรวจ จนไปถึงท้ายเรื่องที่ไซเฟอร์ต้องโดดร่มหนีจาก เด็คการ์ด ชอว์ เพื่อเอาตัวรอดจากเครื่องบินลำนี้
ต่อกันด้วยวายร้าย ในภาคแยกอย่าง Fast & Furious Presents Hobbs & Shaw ปี 2019 บริกซ์ตัน ลอร์ ผู้มีฉายาว่า Black Superman รับบทโดย อิดริส เอลบา ซึ่งเขาคนนี้มีอดีตที่ไม่ค่อยจะดีกับชอว์สักเท่าไหร่ แถมยังเคยถูกเด็คการ์ด ชอว์ ยิงแสกหน้าตายไปเมื่อ 8 ปีก่อน จนในที่สุดได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในฐานะทหารต้นแบบของ อธีออน ที่ถูกปรับแต่งทางพันธุ์กรรมให้มีความสามารถสูงขึ้น พร้อมด้วยอาวุธสุดไฮเทค จากอิธีออนคอยสนับสนุน
บริกซ์ตัน เขาคือชายที่มีความฉลาดเฉลียวที่ผ่านการฝึกแบบทหาร และเคยมีประวัติทำงานปฏิบัติการลับ เขาเป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างได้ดีกว่าคนอื่นๆ และที่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายมากขึ้น เขาไม่ใช่แค่พวกโรคจิตหรือพวกทหารรับจ้างโลภมากเท่านั้น แต่บริกซ์ตันยังเป็นผู้มีศรัทธาในความสำคัญของโลก
เขารับภารกิจที่จะช่วยสิ่งที่เขาเชื่อว่าโลกที่มีประชากรมากเกินไป โดยอิธีออนมีแผนที่จะสังหารประชากรโลกจำนวนมหาศาล ซึ่งรวมถึงศัตรูและคนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งสำหรับบริกซ์ตัน เขาคิดว่านั่นคือการทำความดี ที่จะล้างบางมุนษย์ด้วย CT 17 (ซีทีสิบเจ็ด)
โดยพาหนะคู่ใจที่ บริกซ์ตัน ใช้ใน Hobbs & Shaw ก็คือ รถมอไซค์สุดล้ำสุดไฮเทค ที่มีความสามารถขับไปมาเองได้ตามที่บริกซ์ตันจะเรียก รวมไปถึงฉากไฮไลท์อันลือลั่นกับการ ยืดหดบิดบอร์ดี้ตัวรถเพื่อลอดใต้รถบรรทุก ซึ่งคาดว่ามอไซค์คันนี้ผ่านการ Custom มาเยอะพอควร แต่คาดว่ามีพื้นฐานมาจาก ไทรอัมพ์ 1050 (หนึ่งศูนย์ห้าศูนย์) สปีด ทริปเปิล อาเอส ปี 2018
โดย Triumph 1050 speed triple RS 2018 เป็นทรง naked Bike เครื่องยนต์ 1000 ซีซี ปริมาตรกระบอกสูบ 1050 ซีซี เครื่องยนต์แบบ 3 สูบ แถวเรียง แบบ DOHC 4 วาล์ว/ สูบ เกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด148 แรงม้า ที่ 10,500 รอบ/ นาที มีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 117 นิวตันเมตร ที่ 7,150 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชั่วโมง
จนในภาคล่าสุด Fast and furious 9 เมื่อทีมซิ่ง ดอมต้องเจอกับ เจคอป ทอเร็ตโต้ น้องชายแท้ๆ รับบทโดย จอห์น ซีนา ที่หันมาร่วมมือกันกับสาวไซเฟอร์จาก Fast 8 ทำให้มีความน่ากลัวเพิ่มขึ้นแบบคูณ 2 เลยทีเดียว ซึ่งลำพังแค่จัดการ เจคอป ทอเร็ตโต้ คนเดียวก็ยากแล้ว เพราะเขาคือชายผู้ซึ่งฝึกตนเองทุกด้านเพื่อที่จะก้าวข้ามพี่ชายอย่างดอมไปให้ได้ เขาเป็นทั้งโจรตัวพ่อ มือสังหาร และนักซิ่งระดับเซียน
ในขณะที่ใน Fast 9 นี้ ดอมตั้งใจที่จะวางมือจากวงการรถซิ่งและภารกิจสุดอันตรายเพื่อมาอยู่กับครอบครัว อย่างสงบสุข ทั้งกับคนรัก เล็ตตี้ และลูกชายของเขา ไบรอัน มาคัส ทอเร็ตโต้ แต่แม้ว่าพวกเขาจะพยายามใช้ชีวิตปกติมากแค่ไหน อดีตของดอมที่มาพร้อมกับอันตรายก็ย่างกรายเข้ามาหาเขาจนได้
ซึ่งเท่าที่เราได้เห็นรถของ เจคอป ทอเร็ตโต้ ในตัวอย่างที่ปล่อยออกมา ก็คือรุ่น Ford Mustang Shelby Custom หรือไม่ก็ Ford Mustang S550 รุ่นปีประมาณ 2015-2016 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 542 นิวตันเมตร ซึ่งเบื้องหลังนั้นจะเห็นว่าทีมงานในกองถ่ายได้ขนรถมาใช้ถ่ายทำถึง 3 คัน เลยทีเดียว
และยังมีอีกฉากที่เราเห็นในตัวอย่างที่2 ที่เจคอป เหมือนกำลังจะขับรถออกจากอุโมงค์ ซึ่งภาพก็ตัดสลับกับรถ All new toyota GR Supra Mk.V อาจจะเป็นไปได้ว่าในหนังอาจจะมี All new toyota GR Supra มากกว่า 1 คัน หรืออาจเป็นการตัดสลับกับภาพรถของฮานเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีรถหุ้มเกราะที่ถูกแต่งขึ้นจนเป็นไฮไลท์ของหนัง อย่าง ดิอาร์มาดิลโล รถหุ้มเกราะที่มีความสูง 14 ฟุต หนัก 26 ตัน มาพร้อมความเร็วแบบไฮสปีด ซึ่งทีมวิศกรใช้เวลานานกว่า 4 เดือนในการสร้างมัน และพวกเขาขนานนามให้มันว่า “เดอะ มาเธอร์ ทรัคเกอร์” ซึ่งในภาพยนต์เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่ามันคือรถของทางไซเฟอร์หรือเจคอปกันแน่ ต้องคอยติดตามกันในโรงอีกที