The Hulk ฮัลค์ ยักษ์เขียวจอมพลัง ผู้กำเนิดจากรังสีแกมม่า
ฮัลค์ เกิดจากการสร้างสรรค์ของ สแตน ลี นักเขียนและบรรณาธิการและแจ็คเคอร์บี้ นักวาดและผู้ร่วมคิดพล๊อตเรื่อง โดย แสตน ลี ต้องการสร้างสัตว์ประหลาดขึ้นมาซักตัว สัตว์ประหลาดที่ดีแต่ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความดีของมัน ทั้งยังสามารถเกิดขึ้นกับมนุษย์ธรรมดาได้อีกด้วย
ประกอบกับเขาได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือสยองขวัญใน อดีตอย่าง Frankenstein ในปี 1931 และ Dr.Jekyll and Mr.Hyde 1931 จนออกมาเป็นตัวละคร เดอะฮัลค์ ในที่สุด
ดร.บรูซ แบนเนอร์ จบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ได้ ทำการทดลองสร้างระเบิดรังสีแกมม่า ให้กับกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ณ ศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ในรัฐนิวเม็กซิโก ระหว่างที่กำลังสาธิตอยู่นั้น ริค โจนส์ เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งได้เข้าไปเตร็ดเตร่อย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ในบริเวณที่ระเบิดเวลากำลังเดินถอยหลังบรูซ รีบเข้าไปช่วยริค อย่างไม่ห่วงชีวิต แต่เขากลับติดอยู่ในห้องทดลองเสียเอง ทำให้โดนรังสีแกมม่าเข้าไปเต็มๆ แต่เขากลับรอดชีวิตมาได้อย่างปาฎิหาริย์
บรูซ พบว่าเขาได้กลายร่างเป็นฮัลค์ ยักษ์ใหญ่สีเทาที่มีนิสัยโหดเหี้ยมในยามที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ก่อนที่จะกลับมาเป็นบรู๊ซคนเดิมเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น จนในที่สุด เขา ต้องกลายร่างเป็นฮัลค์สีเขียวซึ่งเกิดจากสารอะดรีนาลีนถูกปล่อยออกมาในยามที่มีอะไรมาสะกิดอารมณ์อย่างแรงโดยฮัลค์นั้นจะมีความทรงจำและสติปัญญาของบรูซเพียงเล็กน้อย อีกทั้งยังขี้โมโหและฉุนเฉียวง่ายจนกลายเป็นภัยสังคมไปโดยปริยาย
เมื่อการแปลงร่างของบรูซล่วงรู้ถึงหู รอสส์ แห่งกองทัพสหรัฐฯ พ่อของ เบ็ตตี้ รอสส์ นักฟิสิกส์สาวคนรักและว่าที่ภรรยาของบรูซ ทำให้เขาสั่งกองกำลังทหารออกตามล่าบรูซอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่ห่วงความรู้สึกของเบ็ตตี้เลยแม้แต่น้อย
ในช่วงเวลาสั้นๆ บรูซก็สามารถรักษาอาการผิดปกติของเขาด้วยรังสีบำบัด ที่ทำให้เขาคงไว้ซึ่งบุคลิกและความรู้สึกนึกคิดของเขาเองในระดับหนึ่ง เมื่อกลายร่างเป็นฮัลค์ หลังจากนั้น บรูซได้ร่วมก่อตั้ง ทีม ดิอเวนเจอร์ส และได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดี แต่แล้วในที่สุด ฮัลค์ก็กลับสู่สภาพเดิม นั่นคือ ดุร้ายดิบเถื่อนเยี่ยงสัตว์ป่า
เลียวนาร์ด ด๊อก แซมสัน จิตแพทย์ผู้ชำนาญด้านรังสีแกมม่าได้จับตัวฮัลค์ไปและแยกฮัลค์ออกจากตัวบรูซได้สำเร็จ เมื่อฮัลค์ไร้ซึ่งความรู้สึกนึกคิดของบรูซแล้ว มันก็กลายเป็นตัวอันตรายอย่างสมบูรณ์แบบ
และวิธีเดียวที่จะกำราบฮัลค์ได้ก็คือรวมร่างของมันเข้ากับบรูซ ซึ่งเขาเองก็ยอม ก่อนจะพบว่าการรวมร่างกันอีกครั้งนั้นทำให้บรูซเกิดความเครียดอย่างหนักจนจิตใต้สำนึกแตกแยก ส่งผลให้กลายเป็นฮัลค์สีเทาออกเพ่นพ่าน ตามถนนหนทางในที่สุด
ในช่วงนี้เองบรูซได้ไปอยู่ลาสเวกัสเป็นเวลาหลายปี โดยรับหน้าที่เป็นคนโฉดใช้กำลังขุ่มขู่ลูกค้าในบ่อนภายใต้ชื่อ โจ ฟิกซ์อิท ที่แสนจะฉลาดพูดจาคมคายแม้จะอารมณ์ร้ายก็ตาม โดยบุคลิกใหม่ของเขานั้นใกล้เคียงกับพ่อและเพื่อนๆ สมัยวิทยาลัย ในช่วงเดียวกันนี้ เขายังได้สานสัมพันธ์ระยะสั้นๆ กับ มาร์โล แซนเลอร์ ว่าที่ ภรรยาในอนาคตของ ริค โจนส์ โดยเขาจะกลายร่างเป็นฮัลค์ในยามค่ำคืนก่อนจะกลายร่างกลับในยามเช้า
หลังจากที่บรูซต้องเผชิญหน้ากับความแปรปรวนด้านบุคลิกและอารมณ์อันหลากหลาย การต่อสู้ภายในจิตใจเพื่อแย่งชิงร่างกายและความคิดของเขาจึงเกิดขึ้น แต่ด้วยความช่วยเหลือของ ริงมาสเตอร์และความสามารถในการสะกดจิดของเขา ช่วยให้ด็อกสามารถดำดิ่งสู่จิตใต้สำนึกและบุคลิกอันแตกแยกของบรูซ ทำให้บุคลิกของทั้งบรูซ,ฮัลค์และโจ มาเผชิญหน้ากับปีศาจในตัว นั่นคือด้านมืดของบรูซซึ่งเป็นปมภายในใจที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาเกี่ยวกับพ่อที่ชอบทุบตีเขาในวัยเด็กและฆาตกรที่พรากแม่ไปจากเขา
เมื่อตระหนักได้ถึงตัวตนที่แท้จริง เขาก็สามารถรวมบุคลิกต่างๆ เข้าด้วยกันและพบกับความสงบในที่สุด อย่างไรก็ตาม แทนที่จะกลับไปเป็นร่างของบรูซ เขากลับกลายเป็นร่างยักษ์ใหญ่สีเขียวของฮัลค์ ซึ่งแม้จะมีพละกำลังและความสามารถแบบฮัลค์ แต่กลับมีความรู้สึกนึกคิดและความฉลาดของบรูซ หลังจากนั้น บรูซจำเป็นต้องคุมสภาพอารมณ์ของตนอีกครั้ง
เพราะเขาเริ่มที่จะควบคุมความเดือดดาลไว้ไม่อยู่ ก่อนที่จะถูกยักษ์เขียวฮัลค์ผู้ป่าเถื่อนเข้าครอบงำในที่สุด แม้ว่าจะยังคงอยู่ในร่างของบรูซเองก็ตาม แค่นี้บรูซก็คิดว่าตัวเองเป็นตัวอันตรายแสนสาหัสอยู่แล้ว แต่ในเวลาต่อมาระหว่างที่ถูกโจมตีจาก ออนสล๊อท เขาได้ขอให้ จีน เกรย์ สมาชิกทีมเอ็กซ์เมน ช่วยปลดปล่อยเจ้าฮัลค์ออกจากจิตใจเพื่อเขาจะได้ใช้พลังสยบเจ้าออนสล๊อทอย่างราบคาบ
แต่แทนที่จะเป็นไปตามนั้น กลายเป็นว่าเขากลับถูกแบ่งภาค โดยร่างของฮัลค์ยักษ์เขียวป่าเถื่อนได้ไปโผล่ในโลกคู่ขนาน ส่วนอีกภาคที่เหลืออยู่บนโลกก็ยังคงเป็นเจ้าฮัลค์ยักษ์เขียว เพียงแต่จะแลดูนิ่งๆ เย็นชาไร้อารมณ์แม้จะยังคงความเฉลียวฉลาดดังเดิมก็ตาม
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง จิตสำนึกของบรูซตื่นขึ้นและพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ใน นรกส่วนตัว นั่นคือในจิตใต้สำนึกและถูกหลอกหลอนด้วยความทรงจำเกี่ยวกับพ่อของเขา ตัวตนของเขาในอนาคตหรือ เดอะ แมสโทร เดอะ ลีดเดอร์ และตัวตนในอดีตอย่าง บรูซ แบนเนอร์ กับ ฮัลค์ ก่อนที่เขาจะสามารถหลุดพ้นเป็นอิสระด้วยการตระหนักถึงความแข็งแกร่งจากภายในประกอบกับใบหน้าของเบ๊ตตี้ หณองผู้เป็นรักแท้ของเขา ได้ปรากฎขึ้นต่อหน้าทำให้เอาชนะความกลัวภายในจิตใจได้ในที่สุด
ในเวลาต่อมาฮัลค์ได้ร่วมมือกับ ด๊อกเตอร์สเตรนจ์ เข้าแห่งไสยศาสตร์และ นามอร์ หรือซับมารีนเนอร์แห่งแอตแลนติก ต่อกรกับแยนโดร๊ท พ่อมดแห่งเทคโนโลยีที่มาพร้อมโอเมกาตรอน คอมพิวเตอร์อัจฉริยะของมันทั้งสามร่วมมือกันปราบเหล่าร้ายอยู่เป็นพักๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก พวกเขาไม่ได้ตั้งทีมขึ้นมาแต่ประการใด เพียงแค่รวมตัวกันในยามเกิดวิกฤติก็เท่านั้น
หลังจากนั้น บรูซก็หลบไปปลีกวิเวก ณ ดินแดนอันเงียบสงบและห่างไกลอย่างอลาสก้าก่อนจะถูก นิค ฟิวรี่ หัวหน้าหน่วยชีลตามมาขอให้เขาช่วยกำจัด ก๊อตส์อาย อาวุธในอวกาศของพวกไฮดร้าที่สามารถจุดชนวนระเบิดนิวเคลียร์ทุกลูกบนโลกได้ บรูซในร่างฮัลค์จึงถูฏส่งขึ้นไปในอวกาศก่อนจะพบว่าที่จริงแล้ว ก๊อตส์อาย นั้นเป็นอาวุธช่วยร้ายของหน่วยชีลที่สามารถปรับระดับความแข็งแกร่งของตนให้เข้ากับคู่ต่อสู้ แต่มันไม่สามารถปรับความแข็งแกร่งให้เข้ากับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของฮัลค์จนในที่สุด ก๊อตส์อาย ก็ระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ
ความสามารถของฮีโร่ จากการที่ บรูซ แบนเนอร์ โดนรังสีแกมม่าอาบทั่วร่าง ทำให้เขากลายร่างเป็นยักษ์เขียวฮัลค์ ยิ่งโกรธคลุ้มคลั่งมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีพละกำลังมากขึ้นเท่านั้น ไม่เพียงแต่พละกำลังเท่านั้น ยังรวมถึงความทนทาน,ความอึด และการฟื้นฟูสภาพร่างกายที่เพิ่มขึ้นผันตรงกับระดับความรุนแรงของอารมณ์ด้วย
นอกจากนี้ฮัลค์ยังมีความต้านทานต่อการบาดเจ็บและการทำลายล้างทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความร้อนระดับแกนดวงอาทิตย์ , ระเบิดนิวเคลียร์ หรือแม้แต่ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายก็ตาม โดยเขาสามารถปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายในอวกาศโดยปราศจากชุดและอุปกรณืต่างๆ ได้เป็นเวลานานๆ อีกทั้งเมื่อได้รับบาดเจ็บ เขายังสามารถสมานแผลทุกรูปแบบให้หายสนิทได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ขาอันทรงพลังก็ทำให้เขาก้าวกระโดดได้ไกลข้ามทวีปเลยทีเดียว เขายังสามารถต่อต้านถูกควบคุมทางจิต,แข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อได้รับรังสีเพิ่ม รวมถึงสามารมองเห็นและสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวได้อีกด้วย
